ปราสาทปราก
ปราสาทปราก
ปราสาทปราก (Prague Castle) คลิกจองตั๋ว ตั้งตระง่านอลังการคู่กับวิหารเซนวิตัส (St. Vitus Cathedral) มาอย่างยาวนาน ตัวปราสาทเองถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 หรือมากกว่าพันปีมาแล้วโดยกษัตริย์ที่ชื่อว่า บอเชวอยแห่งราชวงค์เชมมี่สโลฟชี (Prince Borivoj of the Premyslovci Dynasty) จากข้อมูลของโวล์ดกินเน็ตบุ๊ค ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีความซับซ้อนที่ใหญ่มากที่สุดในโลก มีพื้นที่เกือบ 70,000 ตารางเมตร หรือ 437.5 ไร่ อีกทั้งยังถูกขึ้นเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโกอีกด้วย
พื้นที่ปราสาทประกอบด้วยส่วนที่เป็นตัวปราสาท โบสถ์และวิหารต่างๆ กว่าจะสร้างปราสาทที่สวยงามแห่งนี้ขึ้นมานั้น มีการดัดแปลงและซ้อมแซมหลายครั้งตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ที่เป็นสไตล์โรมันจนศตวรรษที่ 14 มีการผสมผสานไปกับสไตล์กอธิก และช่วงหลังได้มีการปรับปรุงอีกครั้งในปี ค.ศ. 1918-1938 โดยสถาปนิคชื่อดังชาวสโลวาเกีย โยซิฟ เพลชนิค (Josip Plecnik) และตั้งแต่หลังการปฏิวัติกัมหยี่ปราสาทก็ได้รับการซ้อมแซมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เริ่มต้นในศตวรรษที่ 10 ปราสาทปรากใช้เป็นที่ประทับของเหล่าราชวงศ์ของเช็กและเป็นที่อยู่ของหัวหน้าบาทหลวงแต่ปัจจุบันถูกใช้เป็นทำเนียบของประธานาธิบดี
ในปี ค.ศ. 1346-1378 ก็ถือว่าเป็นเวลาที่สำคัญเพราะปราสาทแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 (Charles IV) แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาปรากให้เป็นหนึ่งในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด และหลังจากนั้นลูกชายของ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 (Charles IV) ที่มีชื่อว่าเวนเซนลาสที่ 4 (Wenceslas IV) ได้ทำการสร้างปราสาทให้ใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตามในช่วงสงครามอัสไซส์ (Hussite wars) ในปี ค.ศ. 1419 - 1437 ปราสาทปรากก็ถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการดูแลใดๆ
แต่หลังจากนั้นได้รับการบูรณะจากพระราชา วลาดิสลาฟ ยาเกลลอน (King Wladislaw Jagellon) ซึ่งย้ายมาประทับที่ปราสาทกรุงปรากและสั่งให้มีการสร้างปราสาทเพิ่มเติม รวมถึงมีการสร้างสิ่งก่อสร้างที่เป็นสไตล์เรเนสซองค์หรือยุคแห่งการฝื้นฟูศิลปะวิทยาเป็นครั้งแรกๆในปราก เช่น โถงวาดิสลาฟ (Wladislaw Hall)
อีกยุคที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของปราสาทปรากคือยุคของ โรดอล์ฟ จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Emperor Rudolf II) ที่ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ.1575 ต้องการสร้างเมืองที่ดึงดูด ศิลปิน ผู้มีความรู้ให้มาที่ปราก เพื่อให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ
เรื่องราวของปราสาทปรากมีความผันผวนไปตามบัลลังของกษัตริย์ผู้ปกครอง จนกระทั้งอาณาจักรอัสโตร-ฮังกาเรียน (Austro-Hungarian empire) ล่มสลาย ปราสาทปรากก็ได้กลายเป็นทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศเช็กโกสโลวาเกียร์ (Czechoslovakia) ในปี ค.ศ. 1918 ที่มีประธานาธิบดีคนแรกชื่อ โทมัส การิค มาซาริค(Tomas Garrigue Masaryk)
ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ถือว่าประเมินค่าราคาไม่ได้เพราะเป็นที่เก็บของสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่น มงกุฎเพชรของเช็ก (Czech Crown Jewels) หลังจากทราบประวัติศาสตร์กันแล้วเราก็จะเริ่มสำรวจปราสาทกัน
สถานที่ที่ต้องไปชมในปราสาทปราก
โบสถ์แห่งโฮลีรูด (Church of the Holy Rood)
เมื่อเข้ามาจะเจอกับลานน้ำพุส่วนนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งโฮลีรูด (Church of the Holy Rood)และฝังตรงข้ามคือพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรูปภาพศิลปะต่างๆที่สะสมมาตั้งแต่ยุคของ โรดอล์ฟ ที่ 2 (Rudolf II) เมื่อเดินเข้าไปก็จะเจอกับมหาวิหารเซนวิตัส (St Vitus’s Cathedral)
มหาวิหารเซนวิตัส (St Vitus’s Cathedral)
มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1344 โดยคำสั่งของจอร์นแห่งลักเซมเบริ์ก (John of Luxemburg) มีรูปแบบเป็น นีโอ-โกธิค (Neo-Gothic) และ เรเนสซองค์ (Renaisance) สถาปนิกคนแรกผู้ออกแบบคือเมททิวแห่งอาราส (Matthew of Arras) แต่หลังการตายของเขาก็มีสถาปนิกคนใหม่ขึ้นมาแทนคือ สวาเบียง ปีเตอร์ ปาร์เลอร์ (Swabian Peter Parler) เขาสรรสร้างที่นี่ต่อจนกระทั้งมีสงครามอัสไซส์ (Hussite) เกิดขึ้น การสร้างมหาวิหารกินเวลานานหลายศตวรรษกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 อีกทั้งที่แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บมงกุฎเพชรของเช็ก (Czech Crown Jewels) และเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์เวนเซสลัส (Wenceslas) หรือ พระราชาที่ดี (Good King)
เซนจอร์จบาซิลิก้า (St George’s Basilica)
โบส์ถสีแดงแห่งนี้อยู่ทางด้านหลังของมหาวิหารเซนวิตัส (St Vitus’s Cathedral) สั่งการสร้างโดยเจ้าชาย วาทิสลาฟ (Prince Vatislav) เป็นสิ่งก่อสร้างในแบบโรมันที่มีการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดในปราก ด้านในตกแต่งด้วยภาพเขียนแบบยุคโบฮิเมียนและถูกใช้เป็นที่ฝังศพของเหล่าเชื้อราชวงศ์
พระราชวังเก่า (Old Royal Palace)
พระราชวังเก่าอยู่ทางด้านขวามือของมหาวิหารเซนวิตัส (St Vitus’s Cathedral) ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ใช้เป็นที่ประทับของเหล่าเจ้าชายโบฮิเมียน ประกอบด้วยสามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นพระราชวังสไตล์โรมันถูกสร้างโดยโซเบสลาฟ (Sobeslav) ใน ศ.ศ 1135
ต่อมา ปรามมิซอ ออตาคาร์ ที่ 2 (Premysl Otakar II) และชาร์ล ที่ 4 (Charles IV) สร้างวังของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาเป็นชั้นที่สอง และชั้นที่สามก็ถูกสร้างขึ้นโดย วาดิสลาฟ จากีโล (Vatislav Jagiello) ให้เป็นห้องโถงขนาดใหญ่สไตล์กอธิคและตั้งตามชื่อของเขา (Gothic Vladislav Hall) โถงแห่งนี้เคยเป็นที่ทำงานของรัฐบาลและสภาเก่าของยุคโบฮิเมียน
ถนนทองคำ (Golden Land)
ต้องเดินเข้ามาทางถนนด้านข้างของโบสถ์เซนจอร์จบาซิลิก้า (St George’s Basilica) เดินตรงแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอกับถนนทองคำเป็นถนนที่เล็กที่สุดในปรากและมีบ้านหลังเล็กๆตลอดถนน โดย
ถนนถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 และบ้านถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 16 สาเหตุในการตั้งชื่อว่าถนนทองคำเพราะตำนานที่ว่ามีนักเล่นแร่แปรธาตุอาศัยอยู่ที่นี่ ผู้สามารถแปลงอะไรก็ได้ให้เป็นทอง มีหินชุบชีวิตและน้ำยาที่ทำให้เด็กตลอดกาล
สถานที่นี้เริ่มต้นโดย รูดอล์ฟ ที่ 2 (Rudolf II) มอบที่ดินเล็กๆให้นักแม่นปืนในปราสาทที่ปกป้องป้อมปราการ แต่มีนักแม่นปืนถึง 24 คนจึงทำให้พื้นที่เพียงพอสำหรับการสร้างบ้านหลังเล็กๆเท่านั้น โดยพวกเขาใช้หิน โคลนและไม้ในการสร้าง และในสมัยก่อนมีกฎอยู่ว่าบ้านไม่สามรถขายหรือให้เช่าได้
บ้านหลังที่มีชื่อเสียงและผู้คนไปเยี่ยมชมกันคือบ้านเลขที่ 22 หลังสีฟ้าในรูปที่เคยเป็นที่อยู่ของนักเขียนชื่อดัง ฟรานซ์ คาฟคา (Franz Kafka)
ค่าทำเนียมการเข้าชม
ถ้าหากเดินชมแค่ภายนอกอาคารก็จะไม่เก็บค่าเข้าชมใดๆ แต่สำหรับคนที่อยากจะเข้าชมด้านในด้วยนั้นมีค่าทำเนียม ตั๋วมีอายุหลายวันหรือไม่หมดอายุภายในวันที่ซื้อนั้นเองจึงไม่ต้องเร่งรีบ และราคามีหลายประเภท ดังนี้
รอบ A (Circuit A) ราคา 350 CKZ ต่อคน
สามารถเข้าชม St. Vitus Cathedral, Old Royal Palace, exhibition “The Story of Prague Castle”, St. George’s Basilica, Golden Lane with Daliborka Tower, Rosenberg Palace
รอบ B (Circuit B) ราคา 250 CKZ ต่อคน
สามารถเข้าชม St. Vitus Cathedral, Old Royal Palace, St. George’s Basilica, Golden Lane with Daliborka Tower
รอบ c (Circuit A) ราคา 350 CKZ ต่อคน
สามารถเข้าชม นิทรรศการสมบัติแห่งมหาวิหารเซนวิตัส (The Treasure of St. Vitus Cathedral) และพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพของปราสาทปราก (Prague Castle Picture Gallery)
มีส่วนลดสำหรับผู้เข้าที่เป็นเด็ก นักเรียนและครอบครัว ดูข้อมูลตั๋วเพิ่มเติมได้ที่
https://www.hrad.cz/en/prague-castle-for-visitors/tickets
เวลาที่ดีที่สุดในการเข้าชมปราสาทกรุงปราก
ตัวปราสาทด้านนอกเปิดตั้งแต่เวลา 6.00 นาฬิกา ถึง 22.00 นาฬิกา แต่สถานที่ต่างๆจะเปิดและปิดไม่พร้อมกัน แต่เวลาเปิดเข้าชมปกติแล้วคือ 9.00 นาฬิกา ถึงเวลาปิด 16.00 - 17.00 นาฬิกา
เวลาที่ดีที่สุดคือ 8.40 หรือ 15 ถึง 20 นาทีก่อนเปิดนั้นเอง เพราะเวลานั้นเราไม่ต้องตื่นเช้ามากและคนก็ยังไม่มากัน จะได้สัมผัสกับความสงบ สวยงามและยิ่งใหญ่ของปราสาทอย่างเต็มที่ และไม่นานทุกอย่างก็เปิดให้เราได้ชมเป็นคนแรกๆและซึมซับกับบรรยากาศได้ดีมากขึ้น ที่สำคัญคือพยายามหลีกเลี่ยงไปที่นี่ในวันหยุดสุดสัปดาห์
วิธีไปปราสาทปราก
สองทางเลือกสะดวกๆสำหรับไปปราสาทกรุงปรากคือการเดิน และการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เราจะได้ซึมซับบรรยากาศระหว่างทางที่มหัสจรรย์เหมือนในเทพนิยาย
เดินไปปราสาทปราก จากสถานีรถไฟใต้ดินมาโลสทรานสกา (Malostranske) เราสามารถขึ้นบันไดของปราสาทเก่า (Old Castle) ไปทางตะวันออกของปราสาท แล้วเราก็จะได้เห็นวิวสวยงามตระการตาของเมืองปรากจนลืมไปว่ากำลังเหนื่อยจากการขึ้นบันไดอยู่
ระบบขนส่งสาธารณะ วิธีนี้จะเหนื่อยน้อยกว่าเดินและวิวก็ยังสวยมากด้วย โดยขึ้นแทรม (Tram) สายที่ 22 ที่มาจากนาโรดนี ทริดา (Narodni trida) แต่อย่าหยุดที่สถานีปราซกี ฮาราด (Prazsky hrad) โดยอยู่ต่อและลงที่สถานีโปฮอเชอร์เลค (Pohorelec) ระหว่างทางเดินลงเนินมายังประตูเข้าหลักของปราสาทเราจะเห็นถนนต่างๆที่มีเสน่ห์ อนุสาวรีทางประวัติศาสตร์และโบสถ์แห่งการประสูตร (Church of the Nativity)
ขากลับอย่าลืมลงจากทางหน้าเพราะจะได้เห็นบ้านเรือน พิพิธพันธ์ ร้านค้าและสถานที่ราชการที่ทอดยาวหลากสีลงไปเหมือนหลุดไปในจิตนาการ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เป็นจุดไฮไลท์ของปราสาทปราก สามารถใช้เวลาทั้งวันในการเยี่ยมชมสถานที่และศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น รับรองได้ว่าจะประทับใจกับปราสาทที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดของปราก
พิมวดี ประสาร สาขาวิชายุโรปศึกษา (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)
ที่มา www.seeyouagain-europe.com